เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กล่าวอำลา “เดอ บรอยน์” หลังประกาศแยกทาง แมนฯซิตี้

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

วันที่ 4 เมษายน 2025 ได้กลายเป็นวันแห่งความรู้สึกของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั่วโลก เมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์จอมเทคนิคชาวเบลเยียม ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่าเขาจะอำลาถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม หลังจบฤดูกาลนี้อย่างเป็นทางการการประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะออกมาเปิดใจต่อหน้าสื่อมวลชน โดยยอมรับว่าเป็นวันที่แสนเศร้า และในขณะเดียวกันก็เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับนักเตะระดับตำนานที่ฝากผลงานไว้อย่างยิ่งใหญ่

เดอ บรอยน์ ไม่เพียงเป็นหัวใจในแดนกลางของแมนฯ ซิตี้ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจของคนทั้งทีม ด้วยการจ่ายบอลระดับมาสเตอร์พีซ การอ่านเกมที่เหนือชั้น และความนิ่งที่ไม่มีใครแทนที่ได้ง่ายๆ การอำลาของเขาจึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเชิงแท็คติก แต่มันคือการสิ้นสุดยุคทองอีกบทหนึ่งของทีมสีฟ้าแห่งเมืองแมนเชสเตอร์

10 ปีแห่งความสำเร็จ: เส้นทางที่ควบคู่กับคำว่า “แชมป์”

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 เควิน เดอ บรอยน์ ย้ายจากโวล์ฟสบวร์กมาสู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวกว่า 55 ล้านปอนด์ ซึ่งในเวลานั้นหลายคนยังตั้งคำถามกับดีลนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า นี่คือหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

10 ปีในสีเสื้อ “เรือใบสีฟ้า” เดอ บรอยน์ลงสนามไปแล้ว 413 นัด ยิง 106 ประตู และจ่ายให้เพื่อนยิงถึง 174 แอสซิสต์ ตัวเลขเหล่านี้อาจบอกเล่าความสุดยอดได้เพียงบางส่วน เพราะสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างความนิ่ง ความเป็นผู้นำ และอิทธิพลในห้องแต่งตัว ก็ล้วนเป็นสิ่งที่เขามอบให้กับสโมสรตลอดมา

แชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย, คาราบาว คัพ 5 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย คือผลงานอันน่าทึ่งที่เขามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในเกมใหญ่หรือแมตช์ที่หลายคนอาจมองข้าม เดอ บรอยน์คือจอมทัพที่พึ่งพาได้เสมอ ติดตามผลงานที่เหลืออยู่ของเขาได้ผ่าน ลิงค์ดูบอลสด กับเว็บไซต์ ดูบอลดูหนัง.com ของเราได้ทุกเมื่อ

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กล่าวอำลาและยกย่องนักเตะด้วยใจจริง

ในการให้สัมภาษณ์หลังการประกาศอำลาของเดอ บรอยน์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยืนยันด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกว่า “วันนี้เป็นวันที่น่าเศร้า” เพราะต้องบอกลานักเตะที่เปรียบเสมือนขุมพลังสำคัญของทีมมาตลอดหนึ่งทศวรรษ

เป๊ปกล่าวว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับเดอ บรอยน์ พร้อมเปรียบเทียบการจากไปครั้งนี้เหมือนกับตอนที่นักเตะระดับตำนานอย่าง แว็งซ็องต์ กอมปานี, เซร์คิโอ อเกวโร และดาบิด ซิลบา เคยอำลาทีมไปก่อนหน้า มันไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงบุคลากรในทีม แต่มันคือการส่งต่อความรู้สึกและวัฒนธรรมในทีมที่ฝังรากลึก

สิ่งที่น่าประทับใจคือ เป๊ปไม่ได้พูดถึงแค่ความสามารถในสนามของเดอ บรอยน์ แต่ยังกล่าวถึงความเป็น “มนุษย์” ของเขา ความอ่อนน้อมถ่อมตน การเป็นแบบอย่างให้กับนักเตะรุ่นใหม่ และการเป็นตัวแทนของค่านิยมสโมสรอย่างแท้จริง

เดอ บรอยน์ หนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

หลายคนอาจถกเถียงกันว่าใครคือมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก แต่ชื่อของ เควิน เดอ บรอยน์ จะต้องอยู่ในลิสต์นั้นอย่างไม่มีข้อสงสัย ด้วยสไตล์การเล่นที่มีทั้งความแข็งแกร่ง ความแม่นยำ และความฉลาด เขาคือผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลทะลุช่องที่คู่แข่งไม่มีทางคาดคิด หรือการยิงไกลที่เฉียบขาด เดอ บรอยน์กลายเป็นนิยามของคำว่า “ตัวพลิกเกม” อย่างแท้จริง เขาคือคนที่สามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันในเสี้ยววินาทีได้ด้วยลูกคิดและความกล้า

เป๊ปกล่าวไว้อย่างน่าคิดว่า “จะให้บอกว่าเขาคือที่สุดในประวัติศาสตร์เลยไหม? ก็ต้องย้อนดูตั้งแต่ยุคเมนโร้ดและตลอด 20-30 ปีของสโมสรนี้ แต่ที่แน่ๆ เขาอยู่ในกลุ่มยอดมิดฟิลด์ของพรีเมียร์ลีกแน่นอน” สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือความสม่ำเสมอ ความใจสู้ และความเป็นมืออาชีพ ที่ยืนระยะได้ตลอด 10 ปีแบบไม่แผ่วเลย

เมื่อเรื่องราวของเดอ บรอยน์ กลายเป็นมรดกของซิตี้

ารอำลาของ เควิน เดอ บรอยน์ ไม่ได้เป็นแค่หน้าสุดท้ายในหนังสือเล่มหนึ่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่มันคือบทสรุปของตำนานที่เขียนขึ้นจากความมุ่งมั่น พรสวรรค์ และความรักในสโมสร แฟนบอลจะยังมีโอกาสได้กล่าวลาเขาอีกหลายเกมในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะเกมในบ้านที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งจะกลายเป็นเวทีแห่งความทรงจำครั้งสุดท้าย เชื่อว่าเสียงปรบมือและบทเพลงแห่งเกียรติยศจะดังลั่น เพื่อส่งเขาออกไปอย่างสมศักดิ์ศรี

ถึงแม้ในอนาคตแมนฯ ซิตี้ อาจมีนักเตะเก่งๆ ก้าวขึ้นมาแทนที่ แต่สิ่งที่ไม่มีใครสามารถแทนได้คือ “ความรู้สึก” ที่เดอ บรอยน์ได้สร้างเอาไว้ตลอด 10 ปี เขาไม่ได้เป็นแค่ผู้เล่นระดับโลก แต่เขาคือส่วนหนึ่งของครอบครัวของซิตี้ และไม่ว่าเขาจะเดินไปในเส้นทางไหนหลังจากนี้ ลีกใหม่ สโมสรใหม่ หรือแม้แต่แขวนสตั๊ด ชื่อของเควิน เดอ บรอยน์ จะยังคงเป็นที่รัก และถูกกล่าวขานในหมู่แฟนบอลไปอีกนานแสนนาน

ข่าวบอลอื่นๆที่น่าสนใจ