อังกฤษ 2-1 สโลวาเกีย ดราม่ารอบ 16 ทีมสุดท้าย พลิกแซงช่วงต่อเวลา

อังกฤษ 2-1 สโลวาเกีย

หลังจากเกมสุดดราม่ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุบอลยูโน 2024 เมื่อคืนที่ อังกฤษ 2-1 สโลวาเกีย ซึ่งก่อนเกมจะเริ่ม เราคาดได้ไม่ยากว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะเลือกใครเป็น 11 ตัวจริง ซึ่งก็เป็นไปตามคาด มีเพียงค็อบบี้ ไมนูคนเดียวเท่านั้นที่ถูกเปลี่ยนจากม้านั่งสำรองและได้ลงเล่นเป็นตัวจริง นอกนั้น อีก 10 คนเหมือนเดิมทั้งหมด

อังกฤษ 2-1 สโลวาเกีย กับรูปแบบที่ดูแล้วอึดอัดของทัพสิงโต

คำกล่าวที่ว่าถ้าเราทำสิ่งเดิมๆ ผลลัพธ์ก็จะเหมือนเดิม ดูจะไม่เกินจริง ถึงจะเอาชนะได้ด้วยสกอร์ อังกฤษ 2-1 สโลวาเกีย แต่รูปเกมยังคงเล่นได้น่าผิดหวังเหมือนเดิม แม้จะลงแข่งมาแล้วถึง 3 นัด สามประสานแนวรุกอย่างโฟเด้น, เบลลิ่งแฮม, และซาก้ายังประสานงานกันไม่ดี ขณะที่แนวรับก็ดูจะมีความกดดันในการเล่นอย่างเห็นได้ชัดจนเกิดความผิดพลาดหลายครั้ง ก่อนจะโดนขึ้นนำในนาทีที่ 25 สร้างความยากลำบากเพิ่มขึ้นไปอีก

อังกฤษ 2-1 สโลวาเกีย รอบ 16 ทีม

ซึ่งน่าแปลกใจที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะเริ่มปรับแผนนักเตะให้เป็นแบบที่ควร จากการเปลี่ยนเอา โคล พาลเมอร์ ลงสนาม ซาก้าถูกโยกไปเล่นทางซ้าย ตามด้วยเอเบริชี่ เอเซ่ และไอแวน โทนี่ย์ ก่อนเกมจะเริ่ม แฟนบอลและสื่อมวลชนทั่วโลกต่างพยายามหลายกลุ่มตากพยายามแนะนำว่า “เซาธ์เกตควรลองทำอะไรใหม่ๆ บ้างนะ” แต่ด้วยความหนักแน่นทำให้เขาเลือกที่จะไม่ฟัง จนสุดท้ายก็ต้องยอมปรับเปลี่ยนเพราะรูปเกมไม่ได้ดีขึ้นเลย และผลลัพธ์คือ ทีมกลับมาสู่เกมได้อย่างชัดเจน siamgoal

สโลวาเกีย ออกนำก่อนในนาทีที่ 25

นับตั้งแต่กรรมการเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขัน ทีมชาติอังกฤษครองบอลได้มากกว่า แต่กลับขาดความอันตรายในเกมรุก ผู้เล่นใช้เวลานานถึง 2-5 วินาทีกว่าจะส่งบอลแต่ละครั้ง เหมือนกับไม่ได้ซ้อมกันมา ในทางกลับกัน แม้ผู้เล่นทีมชาติสโลวาเกียจะครองบอลน้อยกว่า แต่พวกเขาเล่นอย่างหนักแน่นและเน้นทุกจังหวะ สร้างความสับสนให้กับผู้เล่นอังกฤษ จนเรียกใบเหลืองได้ถึง 3 ใบใน 30 นาทีแรกของเกม

สโลวาเกีย

นาทีที่ 24 สโลวาเกียใช้บอลยาวจากแดนหลังส่งถึงดาวิด สเตรเลก ที่เอาบอลลงจากการโหม่งของเพื่อนอย่างสวยงาม ก่อนดึงจังหวะเล็กน้อยและแทงบอลให้อิวาน ชรานซ์ หลุดเข้าไปจบสกอร์ด้วยหลังเท้าอย่างเฉียบคม พวกเขาต่อบอลในแดนคู่แข่งเพียง 2 จังหวะก่อนจะส่งบอลเข้าประตู ถือเป็นการทำประตูที่มีคุณภาพซึ่งทีมชาติอังกฤษควรนำไปเป็นแบบอย่าง

อังกฤษ ตีเสมอนาที 90+4 และประตูชัยของ แฮร์รี่ เคน

ตลอดทั้งเกม จู๊ด เบลลิ่งแฮม พยายามอย่างหนักเพื่อเป็นผู้นำในเกมรุกให้ทีมชาติอังกฤษ ซึ่งต้องยอมรับว่าเขาทำได้น่าประทับใจ จู๊ดรู้ตัวว่าฟอร์มตกใน 2 นัดที่ผ่านมา เขาจึงพยายามวิ่งมากขึ้นและปรับการเล่นจนมีส่วนร่วมกับเกมมากในวันนี้ เขาเป็นหัวใจสำคัญทั้งในเกมรุกและรับของอังกฤษ สถิติที่น่าสนใจคือ จู๊ดเป็นผู้เล่นที่เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งมากที่สุดเป็นอันดับสองของทีม (3 ครั้ง) และเรียกฟาล์วได้มากที่สุดในเกม (3 ครั้ง) ส่วนเกมรับก็เข้าปะทะสำเร็จมากที่สุดในทีม (4 ครั้ง) ก่อนจะตอกย้ำความสุดยอดด้วยการตีลังกายิงในนาทีบาป 90+4 ช่วยต่อชีวิตให้ทีมสิงโตคำรามและพลิกกลับมานำได้สำเร็จ

อังกฤษ

แฮร์รี่ เคน ในวันนี้ยังคงใช้โอกาสได้ไม่คุ้มค่า ตลอด 90 นาที เขามีโอกาสยิง 4 ครั้ง แต่ไม่สามารถส่งบอลให้ตรงกรอบได้เลย หากเคนทำประตูได้สักลูก แฟนบอลอังกฤษอาจไม่ต้องลุ้นจนวินาทีสุดท้าย อย่างไรก็ตาม ดาวยิงวัย 30 ปีมาแก้ตัวได้สำเร็จในโอกาสยิงครั้งที่ 5 จากการโหม่งชงของไอแวน โทนี่ย์ ก่อนที่เคนจะโหม่งจ่อ ๆ เข้าไปเป็นประตูพลิกแซงนำ ส่งทีมชาติอังกฤษเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย มูเซียลา

ทีมชาติสโลวาเกีย ผู้ชนะในเวลา 90 นาที

ทีมชาติสโลวาเกีย

การพูดถึงปัญหาของทีมชาติอังกฤษอย่างเดียวอาจไม่แฟร์นัก เพราะทีมชาติสโลวาเกียในวันนี้สู้ได้อย่างสุดความสามารถ หากนับเฉพาะเกมใน 90 นาที พวกเขาคือผู้ชนะอย่างปฏิเสธไม่ได้ ตั้งแต่เริ่มครึ่งแรก ผู้เล่นสโลวาเกียเล่นได้ตามแผนที่ฟรานเชสโก้ คัลโซน่าวางไว้ทุกประการ การได้ประตูขึ้นนำก่อนครึ่งชั่วโมงแรกยิ่งทำให้สถานการณ์เข้าทางพวกเขามากขึ้น แต่น่าเสียดายที่ฟุตบอลไม่ได้เล่นเพียง 90 นาที ด้วยการเล่นตั้งรับและวิ่งไล่ตลอดทั้งเกม ทำให้ผู้เล่นสโลวาเกียอ่อนล้าลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพวกเขามาโดนประตูในนาทีสุดท้าย ยึดเอาชัยชนะอันสวยงามไปก่อนจบเกมเพียง 1 นาทีเท่านั้น


หลังจากเกมอันยาวนานและการเปลี่ยนหมวกตัวใหม่ๆ ลงสนามของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ทำให้สโลวาเกียไม่สามารถต่อกรกับทัพสิงโตคำรามได้เหมือนช่วงแรกๆ ด้วยขุมกำลังที่เหนือกว่าผลจึงออกมา อังกฤษ 2-1 สโลวาเกีย นับว่าเป็นการตกรอบกลับบ้านที่น่าเสียดายมากๆ แต่หลายคนคงจะภูมิใจที่สโลวาเกียได้เข้ามาเล่นในรอบน็อคเอาท์ ยูโร 2024 ครั้งนี้